ตลอดระยะเวลาเกือบยี่สิบปีในอาชีพสื่อ ดิฉันพอจะสังเกตได้ว่า วิธีหนึ่งที่จะทำให้ตัวเราดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือได้ง่ายๆ คือการพูดเรื่องเหลือเชื่อออกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไสยศาสตร์ ผีสางเทวดา หรือมนุษย์ต่างดาว ต่อให้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือเชื่อว่าจริงแค่ไหน ก็พึงเก็บไว้เล่าสู่กันฟังในแวดวงคนใกล้ชิดเท่านั้น แม้สังคมไทยเราจะนิยมเรื่องลี้ลับและเต็มไปด้วยความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่ลองใครบอกว่า เห็นผี เทวดา หรือมนุษย์ต่างดาวออกสื่อสาธารณะก็จะเห็นว่าภาพพจน์ “พัง” ถูกสื่อทำให้กลายเป็นคนที่ดูบ้าๆบอๆ เสียเป็นส่วนใหญ่
.
ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงตั้งใจว่า จะไม่บอกใครเด็ดขาดว่า ตัวเองอาจจะเจอผี ที่ใต้ทางด่วนแถวถนนบางนาตราด
.
คืนนั้นเป็นคืนที่ดิฉันอารมณ์บูดๆจากเรื่องงาน จึงตัดสินใจว่า จะออกไปขับรถเล่นตามลำพังให้สบายใจก่อนแล้วค่อยเข้าบ้าน จะได้ไม่เอาอารมณ์ขุ่นมัวมาระบายใส่ใคร
.
ความจริง ดิฉันชอบเดินเล่นแก้เครียด ทำให้อารมณ์ดี แต่หาที่เดินเล่นตอนค่ำๆได้ยาก เลยเปลี่ยนเป็นขับรถแก้เครียดแทน และเวลาที่ขับแล้วรถวิ่งได้เร็วก็มีแต่ตอนค่ำๆ
.
เส้นทางที่ดิฉันขับรถเล่นยามดึกบ่อยๆ คือเส้นบางนาตราด โดยเลี้ยวซ้ายจากถนนสุขุมวิท ขับไปเรื่อยๆจนถึงจุดกลับรถใกล้ๆร้านไทวัสดุ ก็ขึ้นสะพานกลับรถแล้วขับกลับบ้านมาย้อนมาตามเส้นทางเดิม
.
บนเส้นทางขาออกบนถนนบางนาตราดในยามดึกนั้น จะมีสาวๆ ทั้งสาวประเภทหนึ่งและสาวประเภทสองมาซุ่มยืนโบกรถอยู่ตามมุมมืดเป็นระยะๆ ช่วงที่ดิฉันขับรถช้าๆในเลนซ้าย ก็จะมีสาวๆเหล่านี้โบกไม้โบกมือเรียกให้จอดมาตามรายทาง คนไหนท่าทางแปลกๆ หรือสวยสะดุดตา ดิฉันก็แอบเผลอชะลอดูบ้าง พอเห็นชัดๆ แล้วก็ได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งใดกันบ้างหนอที่นำพาชีวิตคนเรามาถึงจุดที่ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการเสี่ยงชีวิต กับการขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้าในแต่ละค่ำคืน … พลางคิดจินตนาการว่า วัยเด็กของพวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง ชีวิตมีความใฝ่ฝันอะไร และเป้าหมายอยู่ที่ไหน
.
ดิฉันนึกภาพตัวเองว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งถึงคราวอับจนขึ้นมา จะกล้ามายืนในที่มืดคนเดียวแบบนี้ตอนดึกๆไหม คำตอบคือ ไม่น่าจะกล้า เพราะดูแล้วช่างน่ากลัว ทั้งกลัวคน และกลัวผี แม้ว่าความกลัวผีในวัยนี้จะเจือจางกว่าสมัยเป็นเด็กมาก เพราะอายุเข้าวัยกลางคนแล้ว ส่องกระจกบางคราวเห็นตัวเองออกจะเหมือนผีอยู่บ่อยๆเลยชิน อีกทั้งคิดได้ว่า แก่ตัวลงแล้วที่สุดก็ต้องตายเป็นผีตนหนึ่งเหมือนกัน จึงไม่ค่อยได้คิดเรื่องกลัวผีมากนัก
.
เส้นทางขาออกนอกเมืองมีสาวๆในมุมมืดริมทาง ให้ขับดูเพลินๆ แต่สำหรับเส้นทางขากลับเข้าเมืองเพื่อมุ่งมาถนนสุขุมวิทนั้นไม่มีอะไรให้ดู ดิฉันจึงขับค่อนข้างเร็วมาตามเส้นใต้ทางด่วนบางนาตราด
.
แต่พอมาถึงจุดที่มีทางให้รถจากถนนคู่ขนานเลี้ยวเข้าถนนใต้ทางด่วน ดิฉันก็ต้องกระทืบเบรคจนตัวโก่ง เพราะเห็นร่างคนดำๆวิ่งตัดหน้ารถอย่างเร็วมาก แต่เดชะบุญที่รถไม่เสียหลัก และไม่มีรถตามหลังมาเพราะเป็นช่วงดึก รถบนถนนมีน้อย ไม่เช่นนั้นก็คงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิต ใจเต้นตึกๆด้วยความตกใจ
.
กระทั่งขับต่อมาจากจุดคับขันนั้นได้สักพักก็เกิดขนลุก เพราะคิดขึ้นมาได้ว่า คนดีๆที่ไหนจะมาใส่เสื้อดำวิ่งข้ามถนนไฮเวย์กลางดึกแบบนั้น แวบแรกคิดว่า เป็นผี ครั้นพอคิดไปนานๆก็บอกกับตัวเองว่า ถ้าเป็นคน ก็อาจจะเป็นคนจร หรือคนติดยาเสียสติ ที่อาศัยนอนอยู่ใต้ทางด่วนก็อาจเป็นได้ แต่จะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าเหตุการณ์นี้จบลงไม่สวย ไม่ว่าจะเป็นการขับรถชนคนตาย หรือเบรคกะทันหัน รถเราเสียหลักโดนสิบล้อชนตาย หรือเป็นเหตุให้คนอื่นตาย เสี้ยววินาทีเดียวนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตทั้งสิ้น
.
คนเรานั้นเกิดยาก เติบโตมาก็ยาก แต่บทจะตายอาจเป็นเรื่องง่ายๆที่คาดไม่ถึง หรือถ้าแย่กว่าตายคือต้องกลายเป็นคนพิการ หรือติดคุกติดตะรางเพราะขับรถชนคน ทุกสิ่งที่ว่ามานี้อาจพลิกผันชีวิตทั้งหมดได้แค่ชั่วพริบตา
.
หลังจากที่หายตื่นตระหนกและใจเย็นลงแล้ว ดิฉันนึกขอบคุณเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งเกิดขึ้น และขับรถกลับบ้านด้วยหัวใจพองโตด้วยความขอบคุณในโชคชะตา ที่วันนี้ยังมีชีวิตอยู่เป็นปกติ ยังมีโอกาสได้กลับไปเจอคนที่บ้านแบบครบสามสิบสอง
.
ความทุกข์เศร้าหมองขุ่นใจทุกประการจากเรื่องงาน ในชั่วโมงก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปทั้งสิ้น เมื่อเทียบกับความคิดว่า ถ้าวันนี้รถชนแล้วเราตาย หรือเราขับรถชนคนตาย ซึ่งดูจะร้ายแรงกว่ามากจนเทียบกันไม่ได้
.
ดิฉันตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว เพราะคิดว่า เป็นเรื่องที่ฟังดูไม่เข้าท่า จนกระทั่งเมื่อวานตอนบ่าย ขับรถบนเส้นทางเดิมกลับจากไปซื้ออุปกรณ์แต่งสวนที่ร้านไทวัสดุ ผ่านจุดที่เคยเจอคนวิ่งตัดหน้ารถเมื่อหลายวันก่อน เห็นขวดน้ำแดงและข้าวของระเกะระกะวางอยู่ริมถนนใต้ทางด่วน เพ่งสายตาดูจึงเห็นว่าเป็นของเซ่นไหว้ เลยเดาออกทันทีว่า ณ จุดที่เราเจออะไรแปลกๆ ในกลางดึกครั้งนั่น ก็คงมีคนอื่นเคยเจอมาเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่มีข้าวของเซ่นไหว้มาวางบนถนนแบบนี้
.
อย่างที่บอกว่า…จริงๆ แล้วไม่ได้กะจะเล่าให้ใครฟัง แต่บังเอิญ เผลอลืมไปว่า ซื้อโคมไฟสวนแบบโซลาร์เซลล์ที่ติดอัตโนมัติในความมืดมาสองดวง คืนนี้กลับมาจากงานเลี้ยง เห็นดวงไฟประหลาดกะพริบวาบๆ อยู่บนระเบียงดูเหมือนตาปีศาจในหนังสยองขวัญ แล้วตกใจนึกว่าผีหลอก เลยนึกถึงเรื่องหลอนๆที่เพิ่งไปเจอมา ก็อยากจดบันทึกไว้ เพื่อเตือนตัวเองให้มีสติอยู่เสมอ ไม่ประมาท จะได้ไม่ต้องเฉียดตายเป็นผีเฝ้าถนน และถ้าเราวันหนึ่งจะต้องตายเป็นผีเฝ้าสถานที่ไหนสักแห่งจริงๆ ขออย่าให้เป็นใต้ทางด่วนมืดๆสกปรกๆ ถ้าเลือกได้ขอสิงอยู่ตามห้างสวยๆ ซูเปอร์มาร์เก็ตดีๆ หรือร้านสะดวกซื้อที่เปิดไฟสว่างทั้งคึนน่าจะดีที่สุด
.
เรื่องนี้ไม่มีคติสอนใจอะไร แค่อยากเล่าสู่กันฟังเฉยๆ … ภาพประกอบคือโคมไฟโซลาร์เซลล์ที่ซื้อมา เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ช่วยให้บ้านสว่างไสวปลอดภัยจากความหลอน ใช้พลังงานฟรีจากธรรมชาติ
ไม่ต้องสะดุ้งกับบิลค่าไฟ…ที่น่ากลัวยิ่งกว่าผีหลอก