แสงจันทร์สว่างนวลลอดเข้ามาผ่านช่องแสงเหนือหน้าต่าง หล่อนนอนลืมตาโพลงอยู่ในเงามืด แสงสีเหลืองสาดส่องเป็นแนวพาดบนร่างกึ่งเปลือยสองร่าง ดูราวไฟสปอตไลท์บนเวทีละคร
หล่อนนอนถ่างขาอ้าซ่า ชุดนอนยาวถูกรั้งขึ้นมากองกระจุกอยู่ที่เอว ร่างอ้วนใหญ่พุ่งเข้าโถมทับด้วยน้ำหนักและอารมณ์เต็มพิกัดไม่ปราณีปราศรัย ริมฝีปากแห้งผากของหล่อนแย้มเผยอ ปลอดปล่อยเสียงครางออกมาเล็กน้อย เพื่อสร้างบรรยากาศให้สมบทบาทตามหน้าที่ โชคดีที่ลำแสงนั้นไม่ส่องให้เห็นใบหน้าและแววตาของผู้แสดงละครสดบนเตียง
สุ้มเสียงบรรเลงบทสังวาสเปลี่ยนจากเนิบช้า กลายเป็นถี่และกระชากกระชั้นขึ้นตามลำดับ คลอด้วยเสียงเตียงไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดตามแรงโยก น่าขันบัดซบ แต่ก่อนหล่อนเคยนึกเปรียบมันเป็นเสียงดนตรี มาถึงวันนี้ หล่อนกลับไม่ใช่นักดนตรี ผู้เล่นประสานเสียงร่วมกันกับเขาอีกต่อไป แต่กลายเป็นเพียง เครื่องดนตรีที่ถูกเขาเคาะบรรเลงให้เกิดเสียง
แรงกระแทกกระทั้นกับการเสียดสีไม่จบสิ้น หล่อนรู้สึกเจ็บแสบทรมาน!! สิ่งที่ทำได้คือหลับตาและกัดฟันทนรอให้มันจบๆ ไป ในอีกสามนาที ห้านาที หรืออีกสิบนาที แต่ถ้ามันทำท่าจะเนิ่นนานกว่านั้น หล่อนก็ต้องช่วงเร่งให้มันจบลงตามกำหนดการ ด้วยการแสดงบทบาทลีลาที่เร้าใจยิ่งขึ้น ภาพจอบขุดผืนดินแห้งผากปรากฏขึ้นในหัว
ในวูบหนึ่งของบางอารมณ์ หล่อนเคยนึกเวทนาหญิงโชคร้ายบางคน ผู้หญิงที่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันแต่โหดร้ายยิ่งกว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์เพศหญิงมาก็คงเพื่อการนี้กระมัง หล่อนปลุกปลอบใจตัวเอง เมื่อนึกถึงความอับโชคของหญิงที่ต้องเลี้ยงชีพด้วยการแสดงบทพิศวาสกับชายแปลกหน้าร้อยพ่อพันแม่ เพราะหล่อนยังนับว่าโชคดีกว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นไหนๆ อย่างน้อยหล่อนก็ไม่ต้องทำเพื่อแลกเงิน !!!
หล่อนจำได้ว่าเคยวาบหวิวกับกิจกรรมนี้มาก่อน เมื่อนานมาแล้ว บนเตียงเดียวกันนี้เอง กับชายหนุ่มร่างกำยำ หน้าตาเกลี้ยงเกลา ผู้ชายที่โอบประคองพาหล่อนเหาะเหินไปไกลถึงสะพานดาว ที่ซึ่งมืดมิดของค่ำคืนถูกแปลเปลี่ยนเป็นแสงพรายพราว ระยิบระยับชวนลุ่มหลง คนที่เชื้อเชิญให้หล่อนร่วมขับกล่อมบรรเลงเพลงอารมณ์ ด้วยลีลาอันตื่นเต้นเร่งเร้า ชายหนุ่มผู้แสนดึงดูดใจ เปลี่ยนแปลงหล่อนให้กลายเป็นหญิงสาวเร่าร้อน มีความสุขอันดื่มด่ำอยู่ในห้วงปรารถนาหล่อนจำได้ว่าเคยใจเต้นแรง แม้ในยามบรรจงแต่งแต้มสีแดงสดบนเล็บมืออันเรียวงามของตัวเอง เมื่อเผลอไผลคิดถึงเล็บสีแดงที่จิกลงไปบนแผ่นหลังของเขา ในห้วงเวลาแห่งความกระสันรัญจวน
สัญญาณบอกให้เปลี่ยนท่วงท่าฉุดหล่อนออกมาจากความคิดคำนึง หล่อนเปลี่ยนจากนอนหงายเป็นนอนคว่ำแต่โดยดี หล่อนสะดวกกับท่านี้ ถึงแม้ความลำบากจะไม่ต่างกันแต่หล่อนก็สบายใจกว่า เพราะไม่ต้องคอยแสดงสีหน้าสีตาให้เข้ากับบทบาทนัก แค่ส่งเสียงให้ได้ยินบ้างเป็นระยะๆ ตามจังหวะ ให้เขารู้ว่าหล่อนยังไม่เผลอหลับเป็นใช้ได้
หล่อนนอนประสานมือไว้ใต้คางและหลับตา ปลดปล่อยให้ความคิดเดินทางไปท่องเที่ยวฆ่าเวลา
เพื่อนของผู้อำนวยการของคนนั้นชมว่าหล่อนสวย เขาจ้องหล่อนไม่วางตา ตลอดเวลาในงานจัดเลี้ยงผู้บริหารของบริษัท เขาทำท่าตกอกตกใจ เมื่อรู้ว่าหล่อนอายุใกล้สี่สิบและมีลูกโตขนาดเรียนมหาวิทยาลัย “นึกว่าสามสิบต้นๆ นะครับเนี่ย” เขาทำให้หล่อนครึ้มอกครึ้มใจ ด้วยการทักทายหยอกล้อแบบหมาหยอกไก่ ต่างฝ่ายต่างรู้สึกสนุกสดชื่น ทุกครั้งที่เขาแวะมาที่บริษัท หล่อนและเขารู้ดีว่าไม่มีอะไรลึกซึ้ง ก็แค่คนชอบพอธรรมดา สำหรับหล่อนมันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้สดใสตามประสาผู้หญิงที่ชอบให้คนมาชื่นชม และในบางครั้ง มันก็เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนความทรงจำ ถึงความชื่นชมที่หล่อนเคยได้รับจากผู้ชายของหล่อน ในวันคืนที่โลกยังเป็นสีชมพู ในวันเวลาที่เขาเคยสัมผัสหล่อนอย่างทะนุถนอนอ่อนโยน วันคืนที่ทุกสิ่งยังสดสวยเหมือนในเทพนิยาย วันเวลาที่ความพอใจของหล่อนเป็นสิ่งสำคัญ ห้วงเวลาที่ความใกล้ชิดและความปรารถนายังเป็นสิ่งพิเศษ เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายอันงดงามระหว่างชายหญิงคู่หนึ่ง
การคลอดเด็กสองคนไม่ได้ทำให้สรีระของหล่อนเสียความน่าอภิรมย์ แต่ความเป็นแม่กับหน้าที่การงานอันหนักหน่วงในโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้หล่อนสิ้นเรี่ยวแรงสำหรับยามเสน่หา ภาระอันหนักอึ้งและความเหน็ดเหนื่อยเป็นยานอนหลับขนาดเอกในทุกค่ำคืน แต่แล้ว…ภาระแห่งความเป็นเมียก็ลุกขึ้นมาจิกกระชากให้หล่อนสะดุ้งตื่นในยามดึก !!!
คืนวันอันโหดร้ายได้แย่งชิงชายหนุ่มรูปงามคนเดียวของหล่อนไปอย่างไม่มีวันกลับ และทิ้งชายวัยกลางคนหัวล้านร่างอ้วนฉุเอาไว้แทนที่ ความหอมหวานแห่งการเสพสมถูกหุ้มห่อด้วยภาพอัปลักษณ์ ราวกับจะมีไว้เพื่อทดสอบหัวใจรักอันมั่นคงหนักแน่นเหนือกาลเวลา !
ดูเหมือนระยะเวลาของการปฏิบัติหน้าที่ของหล่อนในคืนนี้ จะเยิ่นเย้อเกินควร หล่อนแอบถอนหายใจ รู้สึกเห็นใจเขาอยู่ลึกๆ หล่อนขยับกายออกห่างเล็กน้อย ลุกขึ้นนั่งประจันหน้าผลักร่างอ้วนใหญ่นั้นให้นอนราบลงอย่างอ่อนโยน มือที่สัมผัสร่างชื้นเหงื่อ บอกได้ถึงแรงเต้นถี่จากหัวใจของเขา มันยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดเวลา
รสชาติของความรักคงไม่ใกล้เคียงกับรสชาติที่หล่อนกำลังดูดดื่ม มันช่างเอียนคาวน่าคลื่นไส้ชวนอาเจียนเป็นที่สุด ทุกจังหวะของการเคลื่อนไหวของหล่อนทำให้เข้าผ่อนคลายเคลิบเคลิ้ม ผมยาวสยายสะบัดคลอเคลียอยู่บนท้องน้อยและโคนขาที่พอกพูนด้วยไขมัน ช่วยเพิ่มดีกรีความเสียวซ่าน หล่อนรู้สึกได้จากปลายลิ้นถึงความเครียดเขม็งซึ่งก่อตัวขึ้นอีกระลอก หลังจากความอ่อนล้าที่จะพยายามไปให้ถึงที่หมายแต่ไม่สำเร็จ หล่อนช่วยประคับประคองเขามาจนใกล้เส้นชัยเต็มที และหล่อนก็รู้ว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหนี้ ความทุกข์ของหล่อนก็จะสิ้นสุดลง…ขอบคุณสวรรค์ !!
“ผมรักคุณ” เสียงหายใจหอบถี่กลายเป็นเสียงครางอย่างสุขสม มือที่จิกขยุ้มเส้นผมของหล่อน เปลี่ยนเป็นลูบไล้อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
คำพูดนั้นมีความหมายมากกว่าคำขอบคุณ หล่อนรู้ว่าเขาหมายความอย่างนั้นจริงๆ หล่อนเช็ดน้ำตาในความมืดแต่ไม่รู้สึกเศร้าเสียใจอะไร หล่อนลุกไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ได้เปิดไฟ ดูเหมือนแสงจันทร์จะสว่างเกินไป หล่อนก้มหน้าเอาไว้ขณะเดินไปยังห้องน้ำ
แสงแดดอ่อนยามเช้า ส่องสาดเข้ามาเยี่ยมเยียนชีวิตคู่ของหล่อนเช่นเดียวกับเช้าวันอื่น ๆ หล่อนลืมตาขึ้นทักทายความยับย่นบนผืนผ้า คราบแห่งความสุขและความทุกข์ทิ้งร่องรอยไว้บนเตียง หล่อนมักจะตื่นสายกว่าเสมอ ในตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีที่อยู่กันมา
หล่อนนอนลืมตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่ สมองของหล่อนว่างเปล่าและปลอดโปร่ง เสียงสายน้ำฉีดกระทบบนใบไม้ใบหญ้าในสนามบอกให้รู้ว่าเจ้าของร่องรอยบนที่นอนข้างๆ กำลังทำหน้าที่ประจำวันของเขาอยู่ข้างนอก หล่อนลุกจากเตียงและทำหน้าที่ประจำวันของหล่อนบ้าง โดยเริ่มจากเก็บที่นอนให้เรียบร้อยเป็นอันดับแรก เก็บหนังสือที่วางบนโต๊ะหัวเตียงกลับเข้าชั้นหนังสือ
หล่อนขยับข้าวของบนหัวเตียงให้เข้าที่เข้าทาง เก็บห่อถุงยางอนามัยข้างกรอบรูปโยนลงถังขยะ ภาพชายหนุ่มตระกองกอดหญิงสาวในชุดวิวาห์ในกรอบรูปหัวใจกำลังส่งยิ้มมาให้ หล่อนเลิกคิ้วเล็กน้อย กระตุกมุมปากนิดหนึ่งคล้ายจะยิ้มตอบ ชุดแต่งงานสมัยนั้นช่างเชยสิ้นดี หล่อนยังจำได้ถึงความกรุยกรายของมัน บ่อยครั้งที่เขาเผลอเหยียบชายกระโปรงของหล่อนในขณะเดินรับแขก โชคดีที่ไม่มีใครสนใจมองชายกระโปรงของเจ้าสาวนัก เพราะมัวแต่พากันชื่นชมความสวยสดใสแห่งวัยสาวในชุดสีขาว แม้จะมีเพื่อนฝูงหลายคนบ่นเสียดาย เพราะหล่อนรีบสละโสดทันทีที่เรียนจบ แต่หล่อนก็ตอบแหล่านั้นด้วยรอยยิ้มอย่างเชื่อมั่น พร้อมกับความสุขในแววตา เพราะรอยยิ้มของคนในภาพวันนั้นกระมังหล่อนถึงได้นำภาพนี้มาวางใส่กรอบไว้ในห้องนอน
กลิ่นหอมของกลีบกุหลาบอบอวลไปทั่วห้องในคืนวันส่งตัว เป็นลิ่นหอมของความรักที่เคยครอบครองห้องนี้ กลิ่นของมันจางหายไปเมื่อไหร่ หล่อนเองก็แทบไม่รู้ตัว แม้แต่ตัวตนของความรัก มาจนวันนี้หล่อนยิ่งไม่แน่ใจ หรือบางทีคำว่ารักอาจจะผิวเผินเกินไป มีสิ่งเดียวที่หล่อนแน่ใจ คือเขาและหล่อน คือคนสองคนที่พร้อมจะตายแทนกันได้เสมอ
หล่อนใช้เวลาในห้องน้ำนานเป็นพิเศษ ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งเพราะเป็นเช้าวันเสาร์ กลิ่นหอมของกาแฟและอาหารเช้าทำให้ท้องหิวโดยอัตโนมัติ หล่อนนั่งลงที่โต๊ะอาหารเป็นคนแรกเขายังอยู่ในครัว เก็บโน่นล้างนี่ไปตามเรื่องตามราวหลังจากเตรียมอาหารให้ลูกเมียเสร็จสรรพ
หญิงสาววัยแรกผลิในชุดนักศึกษา หน้าตาเหมือนพิมพ์ออกมาจากหล่อน เดิมยิ้มเข้ามาในห้องอาหาร สาวน้อยทำท่าหิวโซให้แม่หัวเราะ แต่ดูท่าทางคงหิวจริงๆ
“วันนี้วันเสาร์ต้องเรียนด้วยหรือลูก” หล่อนถามอย่างไม่แน่ใจเพราะกลัวตัวเองจำผิดวัน
“อ๋อ อาจารย์เค้ามีสอนเสริมน่ะค่ะแม่ ทำไม แม่กลัวปุ้ยแต่งชุดหลอกแม่ แล้วหนีไปเที่ยวสยามเหรอ”สาวน้อยพูดไปหัวเราะไปพร้อมกับขยับซ้อนส้อมในมือ
“อ้าว ก็จะไปรู้เหรอ คณะหนูมันอยู่ติดสยามแสควร์นี่จ๊ะ ยังไงแม่ก็ต้องถามไว้ก่อน” หล่อนแหย่ลูกสาวกลับอย่างอารมณ์ดี เอนกายพิงพนักเก้าอี้ มองลูกสาวอย่างรักใคร่และชื่นชมผลงานชิ้นเอกแห่งความพยายามอันหนักอึ้งของหล่อนอยู่ตรงหน้านี้เอง
เสียงหัวเราะดังออกมาจากในครัว หนุ่มน้อยวัยสิบห้าหน้าคมตาเข้ม เดินกอดคอพ่อหัวเราะร่า
“นี่คุณ ดูสิเจ้าแป้งมันทำหม้อหูหลุดอีกแล้ว ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องช่วยมันก็ไม่เชื่อ” รอยยิ้มอย่างคนใจดีระบายอยู่ทั่วใบหน้าอวบอูม เหงื่อเกาะพราวบนหน้าผากและกระหม่อมที่ไร้ผม อาหารเช้ากับการดูแลสวนในบ้านหลังใหญ่ ทำให้เขาได้เหงื่อซุ่มโชกไปทั้งตัว ถึงแม้จะมีเด็กช่วยงานบ้านแต่เขาก็ยินดีที่จะรับหน้าที่ดูแลปากท้องของครอบครัวเองมาตลอด ประกอบกับงานดูแลสวนก็เป็นสิ่งที่เขารัก เขาจึงเป็นคนติดบ้านติดลูกเมีย เขารักครอบครัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
หนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาหุ่นนักกีฬา และสาวน้อยในชุดนักศึกษาของสถาบันมีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของเมืองไทย นั่งหน้าแฉล้มอยู่ข้างคุณแม่คนสวย เป็นประกาศนียบัตรใบโตสำหรับความสำเร็จในชีวิตครอบครัวของเขา นอกเหนือจากความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งประกาศตัวเองด้วยเกียรติยศและทรัพย์สินนอกกาย
เขารู้สึกได้ถึงความสุข โดยเฉพาะในเช้าอันสดใสของวันสุดสัปดาห์ เมื่อมีลูกเมียอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สำหรับเขา…มันคือวันพิเศษที่เคยไม่แปรเปลี่ยน กลิ่นอายของความสุขดูเหมือนจะอบอวลไปทั่วทุกตารางนิ้วของบ้าน
และหล่อน…ก็ได้ส่งรอยยิ้มอันงดงาม เปี่ยมด้วยความรักที่แสนอบอุ่น ตอบกลับมาในวินาทีเดียวกัน