เพราะผนังบ้านของดิฉันเป็นกระจกสามด้าน นกบินเข้าบ้านถือเป็นเรื่องปกติ มีตั้งแต่นกกระจิบไปจนถึงเหยี่ยว วันนี้เป็นนกเขา เปิดประตูหน้าต่างโล่งกว้างยังไงก็ไม่ยอมบินกลับออกไป เป่าปากเสียงนกเขาเรียกก็ไม่ขยับ เลยต้องพึ่งเทคโนโลยี เปิดคลิปเสียงต่อนกเขาในยูทูปเรียกมันออกไป ได้ผลซะด้วย 555+
เพราะทุกอย่างมีทางออก … หากเราไม่เลือกคำว่า “ไม่มีทาง” หรือ “ไม่ได้” ในการแก้ปัญหา
นั่งฟังเสียงนกเขา นึกถึงเหตุการณ์ที่เอารถไปเข้าศูนย์เมื่อเร็วๆนี้ ช่างโทรไล่หลังมาบอกว่า เช็คระบบเบรคให้ไม่ได้ เพราะหาประแจหกเหลี่ยมเบอร์4 สำหรับปลดล็อคฝาครอบล้อไม่เจอ และที่ศูนย์ไม่มีประแจเบอร์นี้
ถามช่างที่โทรมาว่า ปัญหานี้ ต้องแก้อย่างไร
ช่างตอบไม่ตรงคำถามว่า ถ้าพี่ไม่มีประแจเบอร์4 ก็ไม่ต้องเช็คระบบเบรค เพราะถอดล้อไม่ได้
ถามช่างอีกครั้งว่า ถ้าเป็นรถของช่างเอง และเราจะต้องเช็คระบบเบรคในวันนี้ เราจะต้องทำอย่างไร หรือจะให้เจ้าของรถทำอย่างไร เพราะขนาดศูนย์ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือมากมาย และมีช่างที่มีความรู้ว่า ควรจะไปหาซื้ออะไรจากที่ไหน ยังตอบว่า ไม่รู้จะทำไง แล้วป้าแก่ๆ เจ้าของรถที่ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอย่างพี่ จะไปรู้ได้ไง
ช่างคนเดิมเงียบเสียงไปครู่ใหญ่ แต่ได้ยินเสียงช่างที่น่าจะเป็นหัวหน้า บ่นลูกน้อง แล้วเขาก็มาพูดสายแทน
ดิฉันจึงถามอีกครั้งว่า ปัญหานี้ ให้แก้อย่างไร ทางศูนย์จะช่วยหาประแจที่จำเป็น ต้องใช้เวลาเท่าใด ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ หรือมันเป็นของที่เราชาวบ้านหาซื้อเองได้ จะแนะนำให้เราไปซื้อที่ไหน แล้วเอาไปให้ที่ศูนย์ ก็ย่อมได้ เพราะเรามีคนขับรถสามารถออกไปจัดการให้ได้
ช่างถอนหายใจเหมือนเพิ่งตั้งสติได้ บอกว่า งั้นพี่ให้คนออกไปหาซื้อตามร้านอุปกรณ์ แล้วเอามาให้ผม เพราะถ้ารอผมออกไปซื้อเอง ก็ต้องไปหลังเลิกงาน วันนี้ก็เสียเวลาไปหนึ่งวัน
เออ…ตอบแบบนี้ พอคุยกันได้
ดิฉันลองมาเปิดกูเกิลดูว่า ประแจหกเหลี่ยมเบอร์สี่ มันเป็นของวิเศษหายาก ต้องไปซื้อที่ต่างประเทศหรือ…ก็ไม่ใช่
มันเป็นของธรรมดาที่หาซื้อได้ทั่วไป แม้แต่ในร้านขายของ 20 บาท เพียงแต่เขาขายเป็นชุด มีหลายเบอร์ ทั้งชุดรวมกันก็ 20 บาท
เห็นรูปแล้วคุ้นๆตา เลยลองให้ลูกน้องค้นกล่องเครื่องมือในออฟฟิศ ก็พบว่ามีอยู่สองสามอัน เลยรีบเอาไปให้ที่ศูนย์ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ที่รู้สึกห่วงเขา ก็เพราะเราเป็นคนทำธุรกิจเหมือนกัน ลองนึกดูว่า ถ้าลูกค้าโทรมาหาเรา แล้วเจอคนรับโทรศัพท์พูดอะไรที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจบริษัทโดยที่เราไม่รู้ จะเสียหายขนาดไหน
บ่อยครั้งที่ธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งพยายามพัฒนาสร้างสิ่งดีๆในทุกมิติ อาจต้องมาตายน้ำตื้น เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพนักงานตัวน้อยๆ ที่มีหน้าที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง และพนักงานระดับนี้เอง ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจที่ดีให้เกิดกับแบรนด์
ลองนึกถึงตาสีตาสาที่ตื่นตีห้า นั่งรถข้ามเขาไปอำเภอแล้วถูกสั่งให้กลับไปเอาเอกสารโง่ๆที่ไม่ครบ กลับมารอคิวใหม่ ทำให้ความพยายามและเรี่ยวแรงที่ลงทุนไปในวันแรกสูญเปล่า ด้วยการปิดประตูกับคำว่า ไม่ได้ … แทนที่จะคิดว่า ทำยังไงให้มันได้
เพราะคำว่า ไม่ได้ นั้นไม่มี
มีแต่คำว่า ถ้าจะให้ได้ ต้องทำอย่างไร มีตัวเลือกไหนบ้าง แต่ละตัวเลือกให้ผลต่างกันอย่างไร
ทางเลือกบางอย่าง อาจแก้ได้แค่ปัญหาเฉพาะหน้า แต่กลับสร้างปัญหาใหญ่กว่าไว้ในอนาคต
ปรากฎว่า ประแจที่เราเอาไปให้ เป็นเพียงประแจมาตรฐาน ไขน็อตล้อที่ออกแบบมาเป็นพิเศษไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะเป็นโชคดี ที่บังเอิญช่างที่ศูนย์ สามารถสะเดาะน็อตเจ้าปัญหานั้นออกมา ทำให้สามารถถอดล้อ เช็คเบรคได้
เรื่องนี้เหมือนจะจบลงด้วยดี ถ้าดิฉันไม่ถามต่อไปว่า หากบังเอิญรถไปยางแตกแล้วต้องถอดล้อ จะเอาประแจที่ไหนมาไขออกได้ ถ้าเราไม่มีเบอร์ที่ตรงกันมาเก็บไว้ในรถ
จริงอยู่ที่ปัญหารถยางแตกไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดกันบ่อยๆ แต่ถ้าคุณเข้าใจถึง Murphy’s Law การป้องกันสิ่งที่แย่ที่สุด ย่อมเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
FYI – กฎของเมอร์ฟี (อังกฤษ: Murphy’s Law) เป็นภาษิตที่มีการกล่าวถึงการอย่างกว้างขวางว่า “ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาด จะผิดพลาด” (Anything that can go wrong, will go wrong)
ดิฉันจึงเสนอว่า ถ้าเราไม่สามารถหาประแจวิเศษได้ หากเป็นไปได้ อยากให้ทางศูนย์ช่วยเปลี่ยนน็อตฝาครอบล้อ เป็นแบบที่สามารถใช้ประแจเบอร์มาตรฐานไขออกได้ง่ายๆ จะดีกว่าไหม แม้จะเสี่ยงกับการโดนขโมยมาถอดไปก็ช่างมัน เพราะถ้ายางแตกแล้วถอดล้อเปลี่ยนยางไม่ได้ ก็จะเป็นเรื่องน่ากลัวมาก
ช่างบอกว่า “ขอดูก่อน” แม้ว่า เขาจะตอบด้วยท่าทางที่ดูลำบากใจ แต่ดิฉันก็พอใจกับคำตอบนี้ มากกว่า การตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่ได้”
เพราะคำว่า “ไม่ได้” ต้องไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของความสำเร็จ
เช่นเดียวกัน นกเขาที่บินเข้ามาในบ้านนั้น เป็นนกเขาตัวเล็ก ดิฉันคิดเอาเองว่า มันน่าจะเป็นนกเขาเล็ก ประกบสองมือเป่าปากจุ๊กกรูเรียกตามที่ผู้ใหญ่เคยสอนตอนเด็ก นกมันก็ไม่แคร์ จึงเอะใจว่า สงสัยมันจะเป็นลูกนกเขาใหญ่ เลยไปหาคลิปยูทูปเสียงนกเขาใหญ่มาเปิดเรียกออกไปนอกบ้านแทน … เจ้านกถึงเริ่มมีทีท่าสนใจ
ภาษาโก้ๆเขาเรียกว่า Exploring the possibilities
ตลอดหลายปีที่ดิฉันสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย และเป็นวิทยากรอบรมบุคลากรให้กับหน่วยงานต่างๆ คอร์สหนึ่งที่ดิฉันมุ่งมั่นมากที่สุด ซึ่งเคยบรรยายให้ข้าราชการและนักศึกษาฟังมาหลายปี ชื่อว่า “Never take NO for an answer” หรือชื่อไทยว่า “อย่าให้โลกปฎิเสธคุณ” เป็นคอร์สที่ดิฉันอยากเดินสายบรรยายมากที่สุด เพราะเชื่อว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนให้สามารถมองเห็นความเป็นไปได้ มองเห็นทางออก ทางเลือกในทุกสถานการณ์
การปลูกฝังความเชื่อมั่นว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ ทุกอย่างมีทางออก จะทำให้เราไม่หยุดคิด ไม่สิ้นหวัง สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ผลลัพธ์จากการแก้ปัญหา อาจจะมีดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่การเลือกที่จะแก้ปัญหา ย่อมดีกว่า ไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดไม่เป็น มองไม่เห็นทางออก
ทั้งที่ความจริง เราอาจจะกำลังอยู่ในที่โล่ง ไม่ได้ถูกกักขังอยู่ในอุปสรรคใดๆ ทั้งนั้น นอกจากถูกขังอยู่ในความคิดของเราเอง !!!
เหมือนเจ้านกเขา ซึ่งเกาะอยู่ข้างหน้าต่างที่เปิดออกสู่ภายนอก แต่เลือกที่จะบินพุ่งชนกระจกใสตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่รู้จักเหลียวมองทางออกด้านข้างนี่แหละ
-
วีร์วิศ
20181022