บัว

บัว

บัวเป็นดอกไม้ที่ดิฉันชอบ แต่ความที่บ้านไม่ค่อยมีแดด จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเลี้ยงบัวนัก นานๆทีจะได้เห็นดอก
.
เวลาเห็นบัวออกดอก ดิฉันมักอิ่มอกอิ่มใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนรวย รู้สึกภูมิใจ ปนกับความรู้สึกโชคดีอย่างแปลกๆ แม้ว่า ดิฉันจะไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีเงินทองเยอะแยะ และดอกบัวก็ไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายก็ตาม
.
มีคนไม่น้อยเข้าใจผิดคิดว่า การที่ใครบางคนร่ำรวยเป็นเศรษฐีได้นั้น เป็นเพราะเขาโชคดี ในขณะเดียวกันก็เชื่อว่า การที่ใครบางคนจนแล้วจนอีก เป็นเพราะเขาโชคร้าย
.
ทั้งในเว็บและร้านหนังสือ คงมีคนเขียนหนังสือสอนให้รวยมากมายก่ายกอง
.
ดิฉันยังไม่รวย ชีวิตนี้จึงไม่กล้าเขียนแนะวิธีรวยให้ใคร เพราะถ้ารู้จริง ดิฉันคงรวยไปนานแล้ว ไม่ต้องมาทนเขียนหนังสือขายให้ปวดหลัง
.
แต่สิ่งที่ดิฉันมั่นใจว่ารู้ คือทำไมคนถึงไม่รวย ดิฉันจึงขอเล่าเรื่องที่จริงแน่ๆ ว่าทำไมคนบางคนถึงจนนัก แถมยังจนตลอดไม่เลิกรา และมีทีท่าว่าจะจนลงไปเรื่อยๆ ชั่วลูกชั่วหลาน
.
ดิฉันเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ทำงานในลักษณะเอเจนซี่ ผู้ร่วมงานส่วนมากเป็นฟรีแลนซ์ มีพนักงานประจำไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานช่วยเหลือด้านการอำนวยความสะดวกสบาย สนิทสนมคุ้นเคยกันเหมือนญาต
.
ในบรรดาคนเก่าคนแก่เหล่านี้ เกือบทั้งหมดเคยผ่านการเป็นคนยากคนจนมาก่อน
.
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่มาร่วมงานกันใหม่ๆนั้น ไม่มีใครสักคนเลย ที่มีบัญชีเงินเก็บ ทุกคนมีแต่หนี้ แม้เงินที่หาได้จากบริษัทแต่ละเดือนใช่ว่าจะน้อยนิด แต่หมดไปกับการใช้จ่าย และใช้หนี้ที่พอกพูนมาไม่รู้แต่ชาติปางไหน
.
สิ่งที่ดิฉันตัดสินใจทำ เพื่อช่วยเหลือทุกคน ตั้งแต่ช่วงแรกๆของการทำงาน มาจนทุกวันนี้ นอกเหนือจากเงินเดือน และรายได้พิเศษอื่นๆ จากการทำงานตามปกติ ก็คือการช่วยเหลือเรื่องค่าเทอมบุตร พร้อมกับเจียดเงินส่วนตัว ฝากเงินพิเศษ ให้พนักงานรุ่นก่อตั้งที่มีบุตร ทุกคน ทุกเดือน เพื่อฝึกและจูงใจให้พวกเขารู้จักกับคำว่า มีเงินเก็บ-เงินออม
.
ในศาสนาพุทธแบ่งมนุษย์ออกเป็นบัว 4 เหล่า
ในวัยที่ประสบการณ์ชีวิตยังน้อย ดิฉันเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนเราที่ดูภายนอกเหมือนๆกันนั้น แท้ที่จริงแล้ว มี ‘ข้างใน’ ที่แตกต่างกันมาก และยากที่จะปรับเปลี่ยนให้พ้นจากการเป็นบัวใต้โคลน มาเป็นบัวพ้นน้ำได้
.
ที่พอจะมีความหวัง ก็คือพวกบัวปริ่มน้ำ ใฝ่ดี ซึ่งพวกนี้ ต้องการความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย ก็จะรอดจากการเป็นอาหารเต่าปลา ด้วยความพยายามของตนเองที่มีเป็นทุนเดิม
.
ในบรรดาบัวทั้งหลายที่ดิฉันดูแลอยู่ มีอยู่ 4 ชีวิตที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษ ก็คือ แม่บ้านสองคน ธุรการหนึ่งคน และคนขับรถหนึ่งคน
.
คนแรกเป็นแม่บ้าน อายุมากแล้ว มีลูกคนเดียว สามีทำงานเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม แม้รายได้ไม่สูงมากแต่มีบ้านเป็นของตัวเอง ครอบครัวแม่บ้าน สองคนผัวเมียหาได้รวมกันเดือนละราวสามหมื่น แต่กลับยากจน นอกจากไม่มีเงินเก็บเองสักบาท ยังมีหนี้สินล้นพ้นตัว เงินเก็บเพียงก้อนเดียวของครอบครัวนี้ คือเงินส่วนตัวที่ดิฉันทยอยฝากให้ทุกเดือน
.
ชีวิตแต่ละวันของแม่บ้านแก่คนนี้ มีแต่ท่าทีเหนื่อยหน่าย อมทุกข์ ทำอะไรก็ทำแบบขอไปที แค่พอผ่านๆ แต่ชอบเรื่องสนุกสนานรื่นเริงเหมือนเด็ก ถ้าเมื่อใดมีโอกาสได้ไปฉลองงานบวช งานแต่ง หรือปีใหม่ สงกรานต์ แกสามารถทิ้งงานไปเที่ยวฉลองได้ทีละนานๆ ทั้งที่ไม่มีเงินสักบาท ก็มาขอหยิบยืมเงินล่วงหน้าไปสนุกก่อน ลูกเต้าก็ลากกันไปด้วย จะขาดเรียนขาดเงินยังไงก็ไม่สน เงินออกทีไรต้องซื้อของกินเต็มที่ ซื้อเบียร์กินกันโต้รุ่ง
.
พอกินแล้วเมา ก็มีทะเลาะตบตีกับญาติพี่น้องที่ตั้งวงด้วยกัน ชกหน้าตาเขียวมาทำงานบ่อยๆ รายได้ส่วนใหญ่แต่ละวัน หมดไปกับค่ากิน เน้นบำรุงบำเรอความสุขรายวั
.
นอกจากแกจะให้สตางค์ค่าขนมลูกค่อนข้างมากแล้ว ตัวเองก็ต้องซื้ออาหารเที่ยงแพงๆกินตลอด ไม่มีเงินในกระเป๋า ก็ไปขอเชื่อเขาก่อน พอเงินรายสัปดาห์ออกปุ๊บ ก็ต้องเอาไปเฉ่งค่ากินของเก่า หมุมเวียนอย่างนี้ชั่วนาตาป
.
ร้านส้มตำไก่ย่างแกชอบหนักหนา มื้อเที่ยงกินเต็มที่ทุกวัน เย็นวันศุกร์เงินออก เดินกลับบ้าน ยังไม่พ้นปากซอยบริษัท ต้องจอดใช้หนี้ ยังไม่ถึงบ้าน เงินก็พร่องไปเยอะแล้ว ทำงานไปถึงกลางสัปดาห์ ก็ต้องขอเบิกเงินล่วงหน้ามาใช้ก่อน
.
ช่วงเทศกาลแกชอบทิ้งงานไปเที่ยว นั่งรถไฟฟรีไปต่างจังหวัด พอไม่ทำงาน ไม่มีรายรับ ก็มายืมเงินคนรอบข้าง ถ้าไม่มีใครให้ยืม แกก็จะไปกู้นอกระบบ เสียดอกร้อยละยี่สิบต่อเดือ
.
เคยเรียกมาฟังคำแนะนำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือด้วยวิธีต่างๆ และกำชับให้ปรับพฤติกรรม แต่ก็ทำไม่ได้
.
โชคยังดีที่ลูกชายดูจะเป็นเด็กใฝ่เรียน ดิฉันกำชับว่า ต้องดูแลให้เรียนจนจบมหาลัย จะได้เป็นความหวังของพ่อแม่
.
คนที่สองเป็นแม่บ้านเหมือนกัน อายุน้อยกว่าคนแรก เป็นแรงงานต่างด้าว ที่ได้แปรสัญชาติ เพราะสามีเป็นไทย มีลูกสองคน
.
แม่บ้านคนนี้ขยันมาก ทำงานดี ซื่อสัตย์ เห็นได้ชัดว่า เป็นผู้มีทัศนคติที่ดีในการทำงานและในการใช้ชีวิต ยามว่างจากงานประจำก็ไปรับงานพิเศษ เงินทองที่หาได้ก็เก็บออมเป็นกอบเป็นกำ มีโอกาสก็พยายามลงทุนทำมาหากินอย่างอื่นเพื่อต่อยอด แต่ละวันแทบไม่ใช้เงินกับค่าอะไรเลยถ้าไม่จำเป็น แถมยังเป็นคนมีศักดิ์ศรี ไม่เคยขอ ไม่หยิบยืม ไม่รบกวนอะไรใครเลย
ที่สำคัญ ไม่เคยสร้างหนี้ หาได้เท่าไหร่ จะพยายามใช้น้อยกว่าที่หาได้เสมอ ร้านค้าอาหารในซอยไม่เคยได้สตางค์เขา เพราะพกข้าวห่อมากินทุกวัน มาทำงานตรงเวลา ออกแต่เช้าเพื่อจะได้ประหยัด นั่งรถเมล์ฟรี ทุกสิ้นปีได้รับเบี้ยขยันก้อนโต เพราะทำงานเกินคุ้ม ไม่เคยเบี้ยว ไม่เคยขาด ไม่เคยลา แอบกระซิบถามว่าเก็บสตางค์เองได้เท่าไหร่แล้ว แกบอกอย่างดีใจว่า หกหลักแล้วจ้ะ ได้ยินแล้วชื่นใจแทน
.
คนที่สามคือคนขับรถ ทำงานร่วมกันมานาน จนเป็นหนุ่มใหญ่วัยทอง ห้าสิบต้นๆ
.
ตาคนนี้ก็ไม่เชิงว่าจะขี้เกียจ ทุกเย็นหลังเลิกงาน พอว่างจากการขับรถที่บริษัท ก็ไปวิ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างตั้งแต่หกโมงถึงห้าทุ่ม
.
แกมีรถปิกอัพหนึ่งคัน เป็นสมบัติเอาไว้อวดโก้ ดาวน์ด้วยเงินยืมจากเรา ยังผ่อนไม่หมด ส่วนมากจะจอดไว้เฉยๆ ใช้ขับไปอวดคน เวลากลับบ้านนอกนานๆที
ดูเผินๆ แกก็ขยันขันแข็งดี แต่ปัญหาของแกคือ หน้าใหญ่ จมไม่ลง ดูท่าว่าต้องลำบากไปจนตาย และถ้าเกิดใหม่แล้ว ยังใช้ชีวิตแบบนี้ ชาติหน้าก็ต้องลำบากต่อไปอีก เพราะมีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ไม่ปลอดภัยนัก คือมีเงินเท่าไหร่ใช้เรียบ ทั้งตัวเองและครอบครัว เพราะเป็นคนใจใหญ่ ใจกว้าง แต่งตัวดี มีระดับ รสนิยมสูงกว่ารายได้ ตัวแกกับเมียสาว ซึ่งมีงานทำเป็นลูกจ้างในร้านใกล้บ้าน สองคนรวมกัน หาได้เดือนหนึ่งๆราวสี่หมื่น มีลูกชายสองคน
.
คนโตในช่วงวัยรุ่น ไม่สนใจเรียน โดนไล่ออกจากรร. วันๆไม่ทำงานทำการ เกาะพ่อแม่กิน คบเพื่อนเลว มั่วสุม ติดยา แกจึงลงโทษมันด้วยการดาวน์และผ่อนมอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมให้หนึ่งคัน เพื่อจะไปทำเลวได้สะดวกขึ้น แต่เคราะห์ยังดี พอลูกคนโตอายุถึงเกณฑ์ ก็ติดทหาร ถูกบังคับให้ไปเข้ากรมเข้ากอง น่าจะช่วยดัดสันดานไปได้ไม่มากก็น้อย
.
ส่วนลูกชายคนเล็ก ซึ่งเราเคยช่วยจ่ายค่าเทอมให้เรียนนั้น วันดีคืนดีก็กลายเป็นกุ๊ย จนโดนไล่ออกจากรร. ตั้งแต่ยังไม่ได้วุฒิม.3 วันๆก็ไม่ช่วยเหลือพ่อแม่ทำมาหากินอะไร แถมยังกดดันให้พ่อมาทวงขอเงินเก็บที่ดิฉันฝากให้เป็นทุนชีวิตหลังเกษียณของครอบครัว เอาไปดาวน์มอเตอร์ไซค์ ให้มันขี่เล่นอีกต่างหาก ซึ่งมอเตอร์ไซค์ที่ว่านี้ ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์มือสองคันละสองสามหมื่น ให้ลูกเอาไปวิ่งรับจ้าง เพื่อทำมาหากินช่วยพ่อแม่ แต่เป็นมอเตอร์ไซค์โก้ๆ ราคาคันละเจ็ดหมื่น ซึ่งรวมดอกเบี้ยแล้ว ก็กลายเป็นแสน เอาไว้ให้ลูกขี่เล่นอวดหญิง ตามประสาคนหน้าใหญ่ ใจถึง
.
วันดีคืนดี ปรากฏว่า มอเตอร์ไซค์ที่พ่อใช้วิ่งหาเงินเลี้ยงครอบครัวเกิดโดนขโมย
.
พอแกจะไปขอยืมมอเตอร์ไซค์ลูกมาใช้ชั่วคราว ลูกก็ไม่อยากจะให้
รถใหม่แพงๆจะให้พ่อยืมไปขี่หาเงินได้ไง
ทั้งที่ตัวลูกเองก็ไม่ได้ช่วยอะไร ให้พ่อแม่หาเลี้ยง ไปทำงานเซเว่นได้ไม่กี่วัน ก็ตกงาน ท้ายที่สุด ต้องให้พ่อพาไปเสียเงินสมัคร กศน. เพื่อเอาวุฒิ ม.3 ไม่อย่างนั้นจะสมัครงานอะไรไม่ได้
.
เงินจะผ่อนมอเตอร์ไซค์หลักแสนก็ยังไม่รู้จะทำไง แต่ดูท่าลูกแกก็ไม่เดือดร้อน เพราะพ่อเป็นคนเซ็นรับหนี้
แต่ครั้นจะไปหาต้นตอว่า วิถีแบบนี้ ได้มาจากไหน ก็ไม่ต้องไปมองอื่นไกล เพราะตัวคุณพ่อนั้น มีเงินเท่าไหร่ ก็หมดไปกับค่าเสื้อผ้า ค่าสังคม จะหาได้เท่าไหร่ ในกระเป๋าก็ไม่เคยมีเงิน มีแต่หนี้ เพราะอยากมีหน้ามีตา ที่ต้องผ่อนรถปิกอัพเอาไว้อวดชาวบ้าน นั่นก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง
.
ไอ้ที่ว่าจะเอาไว้ขับส่งของนั้น เป็นเพียงข้ออ้างที่จะแกซื้อรถ เงินไม่พอ ก็มาขอยืมเจ้านายที่ออฟฟิศ
ทุกสงกรานต์ปีใหม่ แกจะต้องยกครอบครัวไปอวดบารมีที่บ้านนอก ทั้งที่ไม่มีเงินเก็บสักบาท ก่อนไปก็มาขอยืมแบบไม่เสียดอกจากเจ้านายจนติดนิสัย
เงินค่าเทอมของลูกแก ที่เราจ่ายให้นั้น พอแกย่ามใจว่า ไม่ต้องเสียเอง แทนที่จะเอาไปเก็บออมหรือทำประโยชน์ ก็กลับเอาไปกินเที่ยวซื้อเสื้อใหม่กางเกงใหม่ จนเราเห็นแล้วปวดใจ
.
ความหน้าใหญ่ไม่เจียมตัวของแก คงสืบทอดไปถึงลูก ทุกวันนี้ บ้านช่องที่ต่างจังหวัด ก็รอแบงก์มายึด เงินที่ยืมบริษัทไปตอนกลับบ้านนอก แทนที่จะเอาไปใช้หนี้อย่างที่สัญญาไว้ ก็ดันเอาไปใช้อย่างอื่น แถมยังซื้อมอเตอร์ไซค์แพงๆให้ลูกอีก
.
พอตัวเองรถหาย ลูกไม่ให้ยืม ไม่ช่วยทำมาหากิน แกก็ต้องวิ่งมาให้เราช่วยซื้อมอเตอร์ไซค์มือสอง ให้แกไปใช้กู้ชีพ วิ่งหาเงินมาผ่อนหนี้ ที่ไม่มีแววว่าจะชดใช้ได้หมดในชาตินี้ เพราะแกไม่เคยหยุดก่อ
.
คนสุดท้ายเป็นบัวพ้นน้ำที่ดิฉันภูมิใจเสนอ จากวันแรกที่เข้ามาทำงาน ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการตั้งแต่ยังเรียน ป.ตรี ไม่จบ เป็นหญิงสาวตาคม แต่ตัวดำผอมแห้ง จนกรอบแกรบ ปัจจุบันเป็นเศรษฐีย่อมๆ เจ้าคนนี้ดิฉันนับถือในความอดทนสู้ชีวิต และเอ็นดูเหมือนญาติ
.
จากพื้นฐานครอบครัวชาวนายากจนที่บ้านนอก เริ่มต้นด้วยความรู้เพียง ป.4 มาทำงานสู้ชีวิตในเมืองกรุงอดทนทำงานมาแล้วทุกประเภท ทั้งลูกจ้างโรงงาน ร้านอาหาร แม้แต่งานแม่บ้านหรือคนใช้ ก็ไม่เกี่ยง
นอกจากจะทำงานหาเงิน เก็บเงินอย่างขยันและอดทนอดออมแล้ว ยังไขว่คว้าหาความรู้พัฒนาตัวเองตลอด จาก ป.4 ก็เรียนต่อศึกษาผู้ใหญ่ จนได้วุฒิม.6 ทำงานหาเงินเรียนต่อ ป.ว.ช. ป.ว.ส. และต่อปริญญาตรี หาเงินได้เท่าไหร่ ก็ยอมทนอดมื้อกินมื้อ เอาไปเรียนหนังสือ
.
วันสุดท้ายที่เรียนจบ นั่งหน้าเศร้า ดิฉันจึงได้รู้ว่าขาดเงินก้อนสุดท้าย มหาวิทยาลัยเขาจะไม่ให้ผ่าน ก็เลยตัดสินใจช่วยเหลือ จนได้รับปริญญา
.
ยามว่างจากงานบริษัท เธอคนนี้ทำงานพิเศษตลอดเจ็ดวัน หามรุ่งหามค่ำ ยอมทำทุกสิ่ง ไม่เคยเลือกงาน ไม่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับค่าแต่งตัว ค่าทำผม หรือกินแพงๆ
.
บางทีก็มีแอบปล่อยเงินกู้ ขายหวย เรียกว่าอะไรได้เงินทำหมด แต่อะไรที่เสี่ยง ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ดิฉันจะห้ามปรามไว้ เขาก็รับฟัง
.
สามีเขาเป็นช่างทำสีรถ ก็ช่วยเก็บเงินจนสร้างอู่รถให้สามีทำกิจการเองได้ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างเถ้าแก่
คนนี้มีแววค้าขายเก่งและพัฒนาตัวเองไม่หยุด ดิฉันลองให้มาช่วยงานขาย ก็ทำได้ดี
.
ทุกวันนี้ เขาจึงไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง แต่เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่ช่วยกันทำมาหากิน แบ่งปันผลประโยชน์กัน เดินหน้าไปด้วยกัน คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันเหมือนญาติ
.
นอกจากช่วยค่าเทอมลูกและฝากเงินเก็บรายเดือนให้เป็นทุน พอเขาเปิดอู่รถ ดิฉันก็ช่วยทำเว็บไซต์ โปรโมท ทำนามบัตรให้ด้วย เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนดี ก็อยากช่วยสนับสนุน
.
ตอนนี้ จากลูกชาวนา ป.4 จนๆ กลายเป็นเจ้าของอู่ เงินเก็บมากมาย มีรถเก๋งหนึ่งคัน ปิกอัพหนึ่งคัน มีที่นา และมีสวนกาแฟหลายสิบไร่
.
เขามีลูกสาวคนเดียว เรียนเก่งมาก กิริยามารยาทเรียบร้อย ขยันและฉลาดเหมือนแม่ ดูหน่วยก้านแล้วเป็นเด็กใฝ่ดี ฝากฝีฝากไข้ได้ หายห่วง
.
ลูกน้องเก่าแก่ทั้งสี่คนนี้ เริ่มต้นจากจุดคล้ายๆกัน แต่มีชีวิตปัจจุบันที่แตกต่างกันมาก แม้ดิฉันจะช่วยเหลือปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม ก็เห็นได้ชัดว่า แต่ละคนก็มีวิถีของตัวเอง ด้วยทัศนคติต่อชีวิต หน้าที่การงาน และการจัดการการเงินที่แตกต่างกัน ทั้งที่ดิฉันให้โอกาส ให้ความรู้ ให้ทุนชีวิต และให้ความสนับสนุนครอบครัวเขาแบบเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างกัน
.
ก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยเชื่อว่า การทุ่มเทพัฒนาคนอย่างจริงจัง และการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเท่าเทียม ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จะสามารถเปลี่ยนชีวิตคน ได้ผลดีใกล้เคียงหรือเท่ากันหมด
.
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า มนุษย์นั้นแตกต่างกัน ประดุจบัวสี่เหล่า ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้จริงๆ ต่อให้เราจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่อาจแก้กรรมคนอื่นได้ ใครทำบุญทำกรรมมาแค่ไหน ก็ได้แค่นั้น
.
ถึงดิฉันไม่ใช่คนนับถือศาสนาที่ธรรมะธรรมโมอะไรนัก ตอนนี้ก็ยอมรับว่า “กรรมใคร กรรมมัน”
.
ใครปลูกอะไรไว้ ก็ได้รับผลนั้น.
ซึ่งก็คงไม่ต้องสรุป ว่าทำไมคนบางคนถึงรวยแล้วรวยอีก รวยไม่เลิก และบางคนถึงจนไม่จบสิ้น
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
.
บัวดอกไหนรักจะอยู่เหนือน้ำ บัวดอกไหนจะอยู่ใต้น้ำ
จึงเป็นเรื่องของบัว

You may also like...