
ด้วยความที่ทำบ้านเปิดโล่งให้ลมโกรกทั้งวันเพื่อประหยัดค่าแอร์ ภารกิจที่ดิฉันได้รับมอบหมายอย่างไม่ตั้งใจก็คือ คอยจับสัตว์ต่างๆที่เข้ามาในบ้านออกไปปล่อย ส่วนมากจะเป็นนกนานาชนิด ที่ตอนแรกเราเข้าใจว่า มันคงหลงเข้ามา นานๆเข้าจึงพบว่า นกบางตัวไม่ได้หลง แต่ตั้งใจเข้ามาอยู่ กะมาทำรังเลยทีเดียว
สมาชิกในครอบครัวของดิฉันเป็นคนกรุงเทพฯ พวกเขาไม่มีชีวิตวัยเด็กที่คลุกคลีกับธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างดิฉัน ซึ่งจับมาแล้วสารพัด ทั้งไก่ ห่าน นก ปลา หนู งู กบ แมลงป่อง ตะขาบ ด้วง ตัวนิ่ม เหี้ย ช้าง ม้า วัว ควาย แพะ แกะ กระจง ฯลฯ จาระไนไม่หมด พอเจอตัวอะไรเข้ามาก็ตกใจ ร้องวี๊ดว้ายกระตู้วู้กันทั้งหัวหงอกหัวดำ และทั้งชายหญิง ดิฉันเป็นคนเดียวที่ไม่กลัวสัตว์ จึงต้องเป็นคนจับไปปล่อย ที่ตื่นเต้นสุดเห็นจะเป็น “เหยี่ยวนกเขา” สัตว์ป่าชนิดหนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์เต็มที ตาของมันสีเหลือง กรงเล็บและจะงอยปากแหลมคมกริบ หน้าตาคมคายดูกราดเกรี้ยวแบบสัตว์ป่า หวังว่ามันจะไม่ใช่นกเลี้ยงที่หลุดออกมาจากกรงบ้านไหน
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน เจ้านกหัวดื้อตัวนี้ มันแหกปากร้องด่าพ่อล่อแม่ดิฉันดังแว้ดๆๆๆๆ จนนึกอยากดีดหัวมันสักป๊อก ขณะที่ดิฉันพยายามจับมันออกไปปล่อย เพราะมันไม่รู้ว่า ดิฉันตั้งใจช่วย มันช่างเป็นนกที่มองโลกในแง่ร้ายเสียจริงๆ ก็ไม่รู้ว่ามันเคยไปเจอคนแบบไหนมา จึงระแวงว่าคนอื่นจะชั่วร้ายไปเสียทั้งหมด
เป็นธรรมดาที่คนและสัตว์ จะใช้ประสบการณ์ในอดีตมาตัดสินปัจจุบันและอนาคต แต่บ่อยครั้งสิ่งที่เรารู้มาในอดีต ก็ใช้อะไรไม่ได้ในอนาคต
โลกมีสิ่งที่เราไม่รู้มากกว่าสิ่งที่เรารู้อยู่หลายเท่า คนที่คิดว่าตัวเองผ่านอะไรมาเยอะก็ใช่ว่าจะรู้ไปหมดเสียทุกอย่าง
เอาเข้าจริงๆไม่ว่าจะแก่แค่ไหน เราต่างก็เป็นเหมือนเด็กทารก ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เราไม่รู้และไม่เข้าใจ
ความระแวงใดๆ ก็ไม่เคยช่วยให้เรารอดพ้นจากสิ่งแย่ๆที่รออยู่ได้
อะไรจะเกิดมันก็เกิด ท้ายที่สุดแล้ว เราก็จะพบว่า การมีชีวิตอยู่อย่างวางใจในโลกที่เราไม่เข้าใจ หรือการมีชีวิตอยู่ด้วยความกลัว หวาดระแวงตลอดเวลา ก็ได้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน
บนเส้นทางชีวิต อาจมีหลายครั้ง ที่เราคิดไปเองว่า เราได้เดินมาตามทางที่ใช่ เป็นหนทางที่ถูกที่ควรแล้ว และอาจมีบางครั้ง ที่เรารู้สึกว่า กำลังหลงเดินทางผิด ไปในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย ไม่เข้าใจ
คนหลงทางส่วนใหญ่คงคิดอยู่อย่างเดียวคือ การหาทางกลับบ้าน กลับไปหาเส้นทางที่คุ้นเคยและสบายใจ แต่ก็คงมีคนบางคน ตัดสินใจเดินตามทางที่ตัวเองไม่รู้จักไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดว่าเป็นการหลงทาง และจุดหมายไม่ได้อยู่ที่ ‘บ้าน’ หรือสิ่งเดิมๆที่เขาเคยรู้จัก
บางเส้นทางอาจนำบางคนไปพบกับความยากลำบาก บางเส้นทางอาจนำไปพบกับสิ่งที่ดีเหนือความคาดหมาย แต่ไม่ว่าเราจะกำลังหาทางกลับบ้าน หรือเดินหลงต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครรู้จริงๆหรอก ว่าท้ายที่สุดแล้ว เราควรจะเดินไปทางไหนดี
จนถึงวันที่เราเดินไม่ได้ และมองย้อนกลับไปนั่นแหละ จึงจะรู้ว่า การเดินได้ และมีสิทธิ์ที่จะได้เดินไปไหนๆตามใจเรา ไม่ว่าจะเดินถูกหรือผิด ย่อมดีกว่าการเดินไม่ได้ หรือไม่ได้เดินไปไหนเลย
นกที่บินหลงทาง ย่อมดีกว่านกที่ถูกขังอยู่ในกรง
เราต่างมีสิทธิ์ที่จะหลงทาง
และไม่ต้องกลัวเลยว่า เราจะไม่ได้กลับบ้าน
เพราะไม่ว่าจะหลงไปไกลแค่ไหน ถึงวันหนึ่ง ทุกการเดินทางของเรา ก็จะสิ้นสุดลงที่จุดเดียวกัน
ณ บ้านหลังสุดท้าย ที่รอคอยเราอยู่เสมอ