ฝันที่เป็นฝัน กับฝันที่เป็นจริง
แม้ว่าผู้คนทุกยุคทุกสมัยต่างปรารถนาที่จะมีสุขภาพที่ดีและรูปร่างที่ดีเหมือนๆกัน แต่ต้องยอมรับว่า ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางวัยหนุ่มสาวหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องการออกกำลังกาย ทั้งเพื่อการมีรูปร่างที่สวยงามและเพื่อสร้างสุขภาพกันอย่างจริงจังมากที่สุดยุคหนึ่ง ชุดกีฬากลายเป็นแฟชั่นที่ใส่ไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องไปออกกำลังกาย หลายคนเปลี่ยนลุคตัวเองมาเป็นหนุ่มสาวแนวสปอร์ต แม้ว่าการซื้อชุดและรองเท้ากีฬามาใส่จะไม่ทำให้ใครแข็งแรงขึ้น แต่คนขายชุดกีฬาย่อมมีรายได้ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
การตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปรับพฤติกรรม อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ หรือบางครั้งก็ไม่ได้มาจากการเปลี่ยนทัศนคติด้วยตัวเองในตอนแรก แต่อาจเป็นเพราะโดนสังคมรอบข้างชักนำให้คล้อยตาม เช่น เพื่อน หรือ แฟน ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรม ซึ่งหลายๆคนพบว่า เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีได้สักระยะหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงทัศนคติไปในทิศทางที่ดีขึ้นก็อาจจะเกิดตามมาได้
ในโลกนี้ มีใครหลายคนกำลังเพ้อฝันถึงการมีซิกแพ็คแต่ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการกิน ไม่ออกกำลังกาย เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่ฝันอยากจะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ฝันกลางวันถึงอนาคตที่ห่างไกลจนแทบเอื้อมไม่ถึง และขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่า ทำไมคนอื่นถึงรวยกันนักกันหนา
เวลามีรถสปอร์ตคันละหลายสิบล้านวิ่งผ่านไปบนท้องถนน คนส่วนหนึ่งอาจสนใจใคร่รู้ว่า ถ้าได้นั่งอยู่ในรถแบบนั้น จะรู้สึกดีอย่างไร ในขณะที่คนอีกส่วนหนึ่งอาจสนใจว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะได้ขับรถแบบนั้นบ้าง และต่อให้เจ้าของรถคันนั้นยอมจอดรถ เปิดประตูลงมาเฉลยให้ฟังจนหมดเปลือกว่า เขาทำอะไรไปบ้าง ถึงได้มีเงินมากมายจนเหลือพอซื้อรถหลายสิบล้าน ก็คงมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฟังแล้วกลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตามทางที่เขาเฉลย ขณะที่คนส่วนใหญ่ก็อาจจะฟังด้วยความชื่นชม แล้วก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตแบบเก่า ฝันถึงการมีรถสปอร์ตต่อไป หรือบ้างก็อาจจะซื้อรถโมเดลคันเล็กๆมาสะสมให้ชีวิตได้ใกล้ชิดความฝันมากขึ้นก็สุดแท้แต่
เมื่อเร็วๆนี้ผู้เขียนได้สัมผัสกับผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันสองคน คนหนึ่งเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ ส่วนอีกคนเป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน แม้จะดูแตกต่างกันมาก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือผู้ชายสองคนนี้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมาเท่ากัน เคยทำงานธนาคารมาก่อน ต่างก็เป็นคนที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก่อนทั้งคู่ และที่น่าสนใจคือ ในช่วงวัยยี่สิบปลายๆ ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็เคยมีคำถามเดียวกันว่า ทำไมคนบางคนถึงรวยเป็นมหาเศรษฐี มีอาชีพอะไรในโลกนี้ที่ทำแล้วได้เงินมากมายขนาดนั้น
ผู้ชายคนที่ขับแท็กซี่เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่คิดแล้วว่า เงินเดือนในตำแหน่งพนักงานธนาคารคงไม่ทำให้เขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีได้แน่ๆ อย่างดีก็แค่พอใช้ แต่ไม่มีทางรวย แถมงานยังไม่มีอิสระ ความกดดันก็สูง เขาจึงตัดสินใจลาออกมาเปิดร้านอาหารเครื่องดื่มเล็กๆแถวบ้าน แต่ทำแล้วรายได้ยังไม่ไม่ไหน ตกค่ำเลยขับแท็กซี่เพื่อหารายได้พิเศษ สิบห้าปีผ่านไป เขากลายเป็นคนขับแท็กซี่เต็มตัว ยกภาระในการบริหารร้านให้ภรรยาดูแล ทุกวันนี้ ภาระในการส่งเสียลูกสองคนเรียนให้จบมหาวิทยาลัยทำให้เขาไม่มีเวลาคิดอะไรอย่างอื่น นอกจากหาเงินหลังพวงมาลัยให้ได้มากที่สุด
คงไม่ต้องถามว่า…เขารวยอย่างที่คิดไว้หรือยัง
ส่วนผู้ชายคนที่เป็นนักธุรกิจ ตอนที่เขาทำงานแบงก์ เขาอยู่ในแผนกสินเชื่อ แต่ละวันมีหน้าที่ตรวจแผนธุรกิจของบรรดาลูกค้าแบงก์ที่มากู้เงิน ได้เห็นความเป็นไปของธุรกิจต่างๆลูกค้าจากงบการเงินที่แสดงให้เห็นผลกำไรขาดทุนจากการทำสิ่งโน่นสิ่งนี้ ได้ศึกษาข้อมูลการทำธุรกิจมากมาย และคิดแบบเดียวกับคนขับแท็กซี่ว่า ถ้าเป็นพนักงานแบงก์รับเงินเดือนไปวันๆแบบนี้จนเกษียณยังไงก็ไม่มีทางรวย เขาจึงย้ายตัวเองไปอยู่ในงานที่มีความท้าทายยิ่งขึ้น ก็คือธุรกิจขายรถยนต์หรูๆ และได้ใกล้ชิดกับธุรกิจลีสซิ่ง ก็คือแผนกเช่าซื้อ นอกจากจะมีรายรับมากขึ้นตามความสามารถและความทุ่มเทในการขาย เขายังได้มีโอกาสสังเกตว่า ลูกค้าที่มาซื้อรถยนต์ราคาแพงกันเป็นว่าเล่นนั้น ล้วนแต่เป็นคนรวยมาก เขาจึงพยายามหาข้อมูลต่อไปว่า คนรวยเหล่านั้นทำอาชีพอะไรกันบ้าง โดยเอาความรู้สมัยที่ดูแผนธุรกิจและดูงบการเงินลูกค้าแบงก์ มาผสมผสานกับการศึกษาข้อมูลลูกค้าเศรษฐีที่มาซื้อรถยนต์ ทำให้เขาได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า คนที่รวยมากส่วนใหญ่ล้วนเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเงินสดผ่านเข้ามาในมือมากๆทุกวัน แต่มีรายจ่ายเป็นเครดิต คือไม่ได้ต้องจ่ายทันที อาจจะจ่ายตอนสิ้นเดือนเป็นค่าเช่า หรือค่าจ้างพนักงาน ในขณะที่การสั่งซื้อสินค้าทุนหรือการจ้างผลิตนั้นสามารถจ่ายเป็นเครดิตได้นานๆ ทำให้ธุรกิจมีสภาพคล่องสูง และที่สำคัญคือต้องเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำหรือปานกลาง พูดง่ายๆคือมีโอกาสเจ๊งน้อยมาก
หลังจากที่ศึกษาจนมั่นใจว่าธุรกิจไหนคือคำตอบของความรวย เขาก็ค่อยๆจัดทำแผนธุรกิจของตัวเองเป็นอย่างดีด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ช่ำชองในการพิจารณาแผนธุรกิจและงบการเงินของแบงก์มานานนับสิบปี และอดทนเก็บหอมรอมริบจนมีเงินทุนพอจะออกไปทำอะไรเอง เขาก็เริ่มลงทุนในกิจการของตัวเองตามแผนที่วางไว้ โดยเริ่มจากธุรกิจขนาดเล็กที่ยังไม่ต้องก้าวออกมาจากงานประจำ และเป็นธุรกิจที่ตัวเขาเองมีความสนใจเป็นพื้นฐาน อาศัยว่ายังหนุ่มยังมีแรงก็ทนแบกสองจ๊อบไปก่อน เพื่อให้มีรายรับจากงานประจำเข้ามาเป็นฐานในช่วงแรก จนกระทั่งมั่นใจว่างานของตัวเองไปได้ดีแน่ๆแล้วก็ออกจากงานประจำมาลุยของตัวเองเต็มตัว อีกทั้งยังหาเวลาว่างไปลงเรียนในสาขาวิชาต่างๆที่คิดว่าจำเป็นต่อความสำเร็จ แถมยังอุตส่าห์เจียดเวลาไปร่วมทำกิจกรรมเพื่อเข้าสังคมทำให้ได้รู้จักผู้คนกว้างขวาง
เป็นธรรมดาสำหรับคนเริ่มต้นทำธุรกิจทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน ก็จะต้องผ่านบทเรียนของการล้มลุกคลุกคลานในช่วงต้นๆ ได้เผชิญกับวิกฤตและความเสี่ยงใหม่ๆที่อยู่นอกตำรามาลับสมองไม่เว้นแต่ละวัน แต่ไม่ว่าจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดหรือเปลี่ยนวิธีการในการต่อสู้อีกกี่ร้อยกระบวนท่า แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจำแม่นไม่ลืมคือเป้าหมายว่า จะต้องรวยเป็นมหาเศรษฐีให้จงได้ !!
เพราะบ่อยครั้งที่การหมกมุ่นต่อสู้กับอุปสรรคหรือความจำเป็นร้อยแปดพันประการในชีวิตประจำวัน อาจกัดกินเวลา อารมณ์และความคิดที่คนเราจะมุ่งไปสู่เป้าหมายใหญ่ที่วางไว้
เมื่อผ่านมรสุมปากอ่าวไปสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลได้สำเร็จ รายรับหลักล้านต่อปีของเขา ก็กลายเป็นสิบล้าน ค่อยๆขยายต่อยอดไปแตะหลักร้อยล้าน เมื่อผ่านหลักหลายร้อยล้าน เป้าหมายใหม่ก็อยู่ที่หลักพันล้าน เติบโตไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ผู้ชายคนขับแท็กซี่ซึ่งไม่ได้แฮปปี้กับอาชีพและรายรับของตัวเอง ยังคงตื่นเช้ามาเช็ดรถ ไปเติมแก๊ส และขับรถเรื่อยๆไปตามถนน สายตาสอดส่ายหาผู้โดยสาร ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนกับวันอื่นที่เขาเคยทำในระยะสิบห้าปีที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อว่าความจำเป็นรายวันไม่เปิดโอกาสให้เขาคิดอะไรมากไปกว่านั้น เหมือนกับคนอีกไม่น้อยในโลกนี้ ที่ใช้พลังทั้งหมดไปกับเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งรายวัน จนหมดพลังที่จะทำสิ่งใหญ่ๆ หรือสิ่งที่ใฝ่ฝัน และเมื่อรู้สึกตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปสิบปี สิบห้าปี หรือยี่สิบปี … วัยเกษียณมาถึงเร็วกว่าที่คิด และหลายคนยังไม่พร้อมสำหรับชีวิตหลังเกษียณเลยด้วยซ้ำ
ส่วนผู้ชายคนที่มีธุรกิจพันล้านก็ตื่นมาทำอย่างเดียวกับที่เขาทำมาตลอด นั่นก็คือ คิดและศึกษาต่อไปว่า จะทำอย่างไรให้ทั้งธุรกิจของเขาและชีวิตของเขาดียิ่งขึ้นกว่าเมื่อวาน
เล่ามาถึงตอนนี้ก็คงไม่ต้องสรุปอะไร นอกจากต้องให้กำลังใจกันต่อไปตามธรรมเนียมว่า ทุกความสำเร็จไม่ว่าเรื่องไหนๆ ล้วนเริ่มต้นที่ก้าวแรก ถ้าคุณอยากแข็งแรง หุ่นดี มีชีวิตยืนยาว แม้จะยังไม่พร้อมเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนชีวิตมากมาย อาจเริ่มต้นด้วยการหารองเท้าออกกำลังกายสักคู่มาใส่เล่นๆ หวังว่ามันจะพาคุณไปออกกำลังกายบ้าง
บางที…คุณอาจจะสมหวังในสักวันหนึ่งก็ได้นะ…ใครจะไปรู้