นิทานเรื่องพี่กุ้ง
เรื่องความประหยัดตัวเป็นเกลียวของพี่กุ้งนั้นระบือระลือไกลมานานแล้วในหมู่คนคุ้นเคย ถึงขั้นที่ผัวแกวิเคราะห์ว่าชื่อเล่น “กุ้ง” นั้นน่าจะกร่อนมาจากคำว่า “กุ้งแห้ง” ที่ไม่ได้แปลว่า ผอม แต่แปลว่ากุ้งที่ผ่านการแช่เกลือจนแห้งและ… เค็ม . สถานะพออยู่พอกินของพี่กุ้ง ไม่ได้มาจากการที่แกหาเงินเก่งหรือมีรายได้เยอะ แต่ส่วนใหญ่มาจากความเขียม ไม่ค่อยชอบซื้ออะไร แถมด้วยนิสัยชอบทำอะไรด้วยตัวเองแทบทุกสิ่ง ทำให้พอมีเงินเหลือเก็บ ขนาดแม่บ้านที่มาช่วยงานรายวันยังเบะปากสมเพชทุกครั้งที่เห็นพี่กุ้งแกออกมาทำกับข้าวกินเองแทบทุกวันในครัวยามพักเที่ยง แทนที่จะหาซื้อหรือสั่งอะไรอร่อยๆจากข้างนอกมากินเหมือนคนอื่นๆ แถมแกยังชอบสั่งสอนแม่บ้านที่ชอบซื้อกาแฟเย็นแก้วละหลายสิบบาทกินทุกวัน ว่าให้หัดชงกินเองหรือเลิกซื้อกิน จะได้ไม่เสียเงินและไม่อ้วนจนเบาหวานขึ้นตาอย่างที่เป็นอยู่ โดยมิได้ตระหนักว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือพูดง่ายๆว่าเสือก เพราะแกคิดว่าตัวเองหวังดี . ไม่ใช่แค่รับงานหลายจ๊อบ ทำอาหารกินเองแต่พี่กุ้งนั้นระห่ำทำสิ่งต่างๆในบ้านด้วยตัวเองแทบทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทำสวน ตัดกิ่งไม้ เย็บผ้า ซ่อมแซมบ้าน ฯลฯ ซึ่งไม่ใช่เพราะความขยันขันแข็ง หรือมีพรสวรรค์อะไร แต่มาจากนิสัยไม่ยอมจ้างคนอื่นเพราะกลัวเปลือง...